• Sat. May 4th, 2024

เปิดโพลบิ๊กธุรกิจรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น-บาทอ่อน จี้รัฐหาสินเชื่อดอกต่ำลดผลกระทบ

0 0
Read Time:4 Minute, 52 Second

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 19 ในเดือนกรกฎาคม 2565 หัวข้อ “ภาคอุตสาหกรรมจะรับมือกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างไร” พบว่า จากอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 7.6% ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง รวมทั้ง ปัจจัยภายนอกจากทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่ส่งสัญญาณเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยไปถึงระดับ 3.4% ภายในสิ้นปีนี้ ทำให้มีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งหน้า เพื่อรักษาส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในประเทศและต่างประเทศไม่ให้ห่างกันจนมากเกินไป จนไปกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนและค่าเงินบาท

ดังนั้น ผู้บริหาร ส.อ.ท. จึงเสนอว่า กรณี ธปท. มีความจำเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ควรพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจ ณ ขณะนั้น รวมทั้งควรมีมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากบางธุรกิจยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan), การสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้, มาตรการช่วยเหลือทางภาษีทั่วไป เป็นต้น โดย ผู้บริหาร ส.อ.ท. คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ณ ปี 2566 จะอยู่ที่ระดับ 0.75-1.00% เพื่อที่จะรักษาทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทย

ในส่วนของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า ถึงแม้การอ่อนค่าของเงินบาทจะช่วยส่งเสริมขีดความสามารถด้านราคาในการส่งออกสินค้าไทย แต่อีกมุมหนึ่งก็ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนพลังงาน สินค้าและวัตถุดิบที่ต้องนำเข้าปรับตัวสูงขึ้นจนกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ซึ่งภาครัฐควรให้ความสำคัญในการกำกับดูแลการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท และมาตรการป้องปรามหรือจำกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทและภาวะเศรษฐกิจในภาพรวม โดยค่าเงินบาทที่เหมาะสนกับการดำเนินธุรกิจควรอยู่ที่ระดับ 32-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังได้แนะให้ผู้ประกอบการทำธุรกรรมทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินบาทที่อ่อนค่า เช่น การซื้อหรือขายเงินสกุลต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) หรือการซื้อสิทธิที่จะซื้อหรือขายเงินสกุลต่างประเทศล่วงหน้า (Option Contract) เป็นต้น

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 209 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 19 จำนวน 7 คำถาม ดังนี้

1. ภาคอุตสาหกรรมมีแนวทางหลักในการรับมือต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างไร

อันดับที่ 1 : ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ 33.0%

อันดับที่ 2 : เพิ่มเงินทุนหมุนเวียน และปรับการบริหารกระแสเงินสดใหม่ 19.6%

อันดับที่ 3 : ปรับวิธีการบริหารกระแสเงินสด เช่น กู้ระยะยาว 18.7% แทนการกู้เงินเบิกเกินบัญชี OD

อันดับที่ 4 : ชะลอการลงทุน 18.7%

อันดับที่ 5 : เปลี่ยนวิธีการลงทุน เช่น ระดมทุนจากผู้ถือหุ้นในบริษัท  7.2%

อันดับที่ 6 : อื่นๆ 2.8%


2. ภาครัฐควรมีมาตรการ/นโยบาย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการจากภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างไร

อันดับที่ 1 : ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป 52.6%

อันดับที่ 2 : มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) 52.2%

อันดับที่ 3 : สนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ และเงินกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed rate loan) 45.5%

อันดับที่ 4 : มาตรการช่วยเหลือทางภาษีทั่วไป 45.5%

3. คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ณ ปี 2566 จะอยู่ในระดับใด

อันดับที่ 1 : 0.75-1.00% 43.5%

อันดับที่ 2 : 1.00-1.25% 20.6%

อันดับที่ 3 : คงที่ 0.50% 12.4%

อันดับที่ 4 : 1.25-1.50% 7.7%

อันดับที่ 5 : 1.5-1.75% 7.2%

อันดับที่ 6 : 1.75-2.00% 5.3%

อันดับที่ 7 : มากกว่า 2.00% 3.3%


4. ค่าเงินบาทที่เหมาะสมสำหรับภาคอุตสาหกรรมควรอยู่ในระดับใด

อันดับที่ 1 : 32-34 บาท / ดอลลาร์ สรอ. 44.0%

อันดับที่ 2 : 34-36 บาท / ดอลลาร์ สรอ. 37.8%

อันดับที่ 3 : 30-32 บาท / ดอลลาร์ สรอ. 11.0%

อันดับที่ 4 : 36-38 บาท / ดอลลาร์ สรอ.   6.7%

อันดับที่ 5 : มากกว่า 38 บาท / ดอลลาร์ สรอ. 0.5%

5. ภาคอุตสาหกรรมมีแนวทางในการลดผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินบาทอย่างไร

อันดับที่ 1 : ทำธุรกรรมทางการเงิน เพื่อป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน 58.4%

อันดับที่ 2 : เปลี่ยนมาใช้วัตถุดิบภายในประเทศ 47.4%

อันดับที่ 3 : ขึ้นราคาขายในประเทศเพื่อส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังผู้บริโภค 34.9%

อันดับที่ 4 : การใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการซื้อขายระหว่างกัน 19.6%

6คำพูดจาก ทดลองเล่น. ภาครัฐควรมีมาตรการ/นโยบาย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินบาทอย่างไร

อันดับที่ 1 : กำกับดูแลการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท และมาตรการป้องปราม 63.2%

อันดับที่ 2 : ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบและสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ 52.2%

อันดับที่ 3 : มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) 43.1%

อันดับที่ 4 : ปรับเพดานราคาสินค้าควบคุมให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 32.5%

7. ปัจจัยที่ควรนำมาเป็นเหตุผลในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย  

อันดับที่ 1 : รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท 72.2%

อันดับที่ 2 : ชะลอการไหลออกของเงินทุน และดึงดูดผู้ลงทุนต่างประเทศ 52.2%

อันดับที่ 3 : รักษาเสถียรภาพอัตราเงินเฟ้อฝังลึก เช่น การปรับขึ้นราคาสินค้าล่วงหน้าเนื่องจากการคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับขึ้น 38.8% 

อันดับที่ 4 : ลดพฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง 29.7%

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin